
ที่เกิดเหตุเป็นป่า อยู่ระหว่าง บ.เจริญสุข – บ.ตะเพรา ซึ่งเป็นป่าที่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงนิยมเข้ามาหาของป่ากันเป็นประจำ ลึกเข้าในป่าประมาณ 200 ม. พบศพของ นายกลั่น อายุ 64 ปี เจ้าของบริษัทผลิต กล่องใส่ต้นไม้
กล่องยาว ในสภาพนอนหงายเน่าเปื่อย เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ข้างศพพบรองเท้าของผู้ตาย 1 คู่ โทรศัพท์ และเงินสดจำนวน 160 บาท
จากการตรวจสอบบริเวณโดนรอบไม่พบร่องรอยอะไรที่ผิดปกติ ร้อยเวรสอบสวน สภ.โชคนาสาม ได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ และแพทย์เวร รพ.ปราสาท ได้ให้หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาฯจุด อ.ปราสาท เคลื่อนย้ายศพไปชัณสูตรโดยละเอียดต่อที่นิติเวช รพ.ปราสาท
พี่เขยของผู้เสียชีวิตและเป็นผู้พบศพคนแรกเล่าว่า เมื่อเช้านี้มีคุณยายในหมู่บ้านท่านหนึ่งมาบอกว่า เมื่อวานเข้ามาหาขุดสมุนไพรในป่าโคกสูง แล้วได้กลิ่นเหม็นคล้ายกับซากสัตว์เน่า และยังพบจักรยานด้วย 1 คัน ไม่แน่ใจว่าเป็นจักรยานของใคร อยากให้พวกตนออกมาดู อาจเป็นจักรยานของนายกลั่น ที่กำลังตามหากันอยู่ก็ได้ ตนจึงชวนเพื่อนบ้านอีก 2 คน ออกมาช่วยกันตามหา ตามจุดที่ยายบอก
ปรากฏว่าพบจักรยานของ นายกลั่น จริงๆ พวกตนจึงช่วยเดินหาจนทั่วบริเวณที่พบจักรยานก็ไม่เจอ จึงได้เข้าไปจุดธูปศาลาหลวงปู่หงส์ที่อยู่ข้างทางริมป่า เพื่อขอให้หลวงปู่หงส์ช่วยเปิดทางให้หาคนให้เจอ พอจุดธูปเสร็จก็ปูพรมเดินเรียงแถวกันมาฝั่งนี้จนมาเจอศพผู้เสียชีวิตดังกล่าว
โดยก่อนหน้าที่ผู้เสียชีวิตจะหายตัวออกจากบ้านไป ได้ขายรถไถนา(รถไถเดินตาม) ในราคา 9,000 บาท พอตกเย็นก็ไม่เห็นตัวผู้เสียชีวิตอีกเลย ส่วนในเรื่องการเสียชีวิตนั้น ตนก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าเกิดจากอะไรเพราะเท่าที่ทราบคือ ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นโรคหัวใจ และเป็นคนชอบดื่มสุรา โดยผู้เสียชีวิตนั้นอยู่ตัวคนเดียว ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน มีลูกด้วยกัน 1 คน ทำงานอยู่ที่ กทม. ขณะนี้ลูกกำลังเดินทางกลับมา
ขณะที่เพื่อนบ้าน เล่าว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนใจดีมาก ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน และคอยช่วยเหลือดูแลกันตลอด เมื่อก่อนผู้เสียชีวิตเป็นคนดื่มเหล้า โดยหลังจากพบว่าป่วยเป็นโรคหัวใจ ก็ไม่ค่อยดื่มอีกแล้ว ซึ่งตนเองมองว่า ผู้เสียชีวิตไม่น่าจะเป็นคิดสั้น น่าจะมาจากส่วนอื่น โดยสังเกตจากที่ผู้เสียชีวิตได้เงินจากการขายรถไถนา แล้วก็หายตัวไปเลยติดต่อก็ไม่ได้ ซึ่งเท่าที่รู้จักกันมา ผู้เสียชีวิตไม่เคยเข้าป่าเลย แม้จะมีสัตว์ป่าให้จับไปประกอบอาหารก็ตาม ตนเองจึงรู้สึกแปลกใจว่า ผู้เสียชีวิตจะเข้ามาในป่าทำไม มันผิดสังเกตไปมากๆ