คดีพ่อฆ่าลูกโบกปูน เมียเก่าพาชี้จุดฝังลูก 4 ศพ พฐ.ขุดเจอกระดูก แพทย์ยันเป็นกระดูกมนุษย์ อายุประมาณ 2 ขวบ
กรณีตำรวจจับกุม นายส่องศักดิ์ หรือ เอ็ม อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้างส่งของ และ น.ส.สุนัน ภรรยา อายุ 40 ปี ผัวเมียโหดฆ่าโบกปูนน้องโมเดล ลูกสาวอายุ 2 ขวบ เหตุเกิดในพื้นที่ สน.บางเขน ก่อนนำร่างไปฝังโบกปูนไว้ในพื้นห้องครัวที่บ้านใน จ.กำแพงเพชร ถุงใส่ของขวัญ ถุงกระดาษใส่ของขวัญ
ขณะที่แนวทางการสืบสวนพบว่า นายส่องศักดิ์ มีเมียมาทั้งหมด 4 คน ลูก 10 คน อายุระหว่าง 6 เดือน ถึง 22 ปี ในจำนวนนี้พบว่าถูกนายส่องศักดิ์ ฆาตกรรมไปแล้ว 4 คน นำศพไปทิ้งในพื้นที่ สน.บางซื่อ และ สน.สายไหม ต้องมีการนำตัวไปสืบสวนขยายผล และติดตามภรรยาทั้งหมดของนายส่องศักดิ์มาสอบสวน ล่าสุดเจ้าหน้าที่นำ น.ส.เจษฎา อายุ 33 ปี อาชีพรับจ้างทำก๋วยเตี๋ยวขาย เมียคนหนึ่งของนายส่องศักดิ์มาสอบ และให้การยอมรับสารภาพว่ารู้จุดทิ้งศพทั้ง 4 ศพ พร้อมจะนำไปชี้จุดทิ้งศพทั้งหมด
ความคืบหน้า (20 ก.ย.66) เวลา 16.45 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.สพฐ. และพล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น. 2 พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้มาตรวจสอบบริเวณจุดที่ น.ส.เจษฎา อ้างว่า นำศพลูก มาทิ้งไว้ที่บริเวณศาลพระภูมิริมถนนพหลโยธิน บริเวณซอยพหลโยธิน 56
ที่เกิดเหตุอยู่ห่างซอยพหลโยธิน 56 ราว 200 เมตร ข้างปั๊มน้ำมัน ปตท พบว่าศาลพระภูมิได้มีการย้ายตำแหน่งออกจากจุดเดิมไปประมาณ 50 เมตร โดยพื้นที่มีการนำเศษปูนเศษหินมาวางกระจายอยู่เต็มพื้นที่เป็นทางยาวประมาณ 100 เมตร โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เชือกกั้น บริเวณดังกล่าวไว้ เพื่อรอการตรวจสอบ
สำหรับจุดดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลจาก น.ส.เจษฎา ว่าได้นำศพลูกชายที่เสียชีวิตมาทิ้งในปี 2559 จำนวน 1 คน และปี 2561 นำศพลูกชาย่มาทิ้งอีก 1 คน ต่อมาเมื่อปี 2563 จึงมีก่อสร้างปั๊มน้ำมัน ปตท. ขึ้นด้านข้างและมีการปรับพื้นที่จากป่าหญ้าให้เตียนโล่ง และมีการขยับศาลพระภูมิออกไปจากจุดเดิมและด้วยเวลาที่ผ่านมานานทำให้สภาพที่จุดที่ทิ้งศพเด็กทั้งสองคนนั้นเปลี่ยนไปมากเจ้าหน้าที่จึงวางแผนการเพื่อหาทางเก็บหลักฐานตรงจุดดังกล่าว ก่อนเข้าตรวจสอบสภาพจุดที่ทิ้งเพื่อหาหลักฐานทางคดี
ภายหลังการตรวจจุดทิ้งศพนาน 50 นาที พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวว่า จากข้อมูลว่ามีการทิ้งศพเด็กตั้งแต่ปี 2559 และ 2561 นำศพเด็กมาทิ้งไว้ จุดสังเกต คือ ศาลพระภูมิ โดยสภาพเมื่อก่อนเป็นป่ากก มีน้ำขัง เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อเจ้าของที่ดิน ทราบว่า หลังปั๊มน้ำมัน ปตท มาก่อสร้างได้มีการถมดิน จึงให้ พฐ. ตรวจสอบก่อน ว่า มีเศษชิ้นส่วนของเด็กหรือไม่ โดยแผนต่อไปต้องใช้รถแบกโฮ ขนาดเล็ก เข้ามาขุดเพื่อเปิดหน้าดิน ทำการค้นหาต่อไป เจ้าหน้าที่ต้องทำถึงที่สุด เพื่อหาหลักฐานทางคดีให้พบ
พร้อมกันนี้ยังมีการประสานไปยัง รพ.ภูมิพล และ นิติเวช รพ.ตำรวจ และรพ.ทุกแห่ง ว่ามีศพเด็กจากรถขยะมาทิ้งหรือไม่ และขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนหากประชาชนที่พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับเด็กที่เสียชีวิตในช่วงปี 2559 และ 2561 ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบได้ทันที
หลัง พฐ.เก็บหลักฐาน พลตำรวจตรีนพศิลป์ ให้สัมภาษณ์ระบุว่าจุดนี้เป็นคำรับสารภาพของแม่เด็กที่ว่าในช่วงปี 2559 และปี 2561 ได้นำศพลูกชายมาทิ้งไว้ที่นี่ เมื่อมาตรวจสอบพบว่าจุดนี้มีสภาพแวดล้อมทางกายภาพเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งเมื่อก่อนเป็นป่ารก มีคลอง แต่จุดเดิมที่ไม่เปลี่ยนคือศาลพระภูมิที่เคยติดกับเพลิงร้านค้าประมาณ 50 เมตร เป็นจุดที่ผู้ต้องหาจำได้ว่านำร่างเด็กมาทิ้งไว้จุดนี้
หลังจากนั้นได้มีการแปรสภาพ สร้างปั๊มน้ำมัน และมีการถมที่ ยกดินให้สูงขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะทำการตรวจสอบข้อมูลจากพยานบุคคลและพยานแวดล้อมทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบผู้รับเหมาก่อสร้างที่มาถมที่ว่าขณะนั้นมีสิ่งผิดปกติอะไรบ้าง รวมถึงพยานแวดล้อม ร้านค้า คนเก็บขยะ และจะมีการนำเครื่องจักรมาเปิดหน้าดินเพื่อตรวจสอบว่ายังมีหลักฐานหลงเหลืออยู่หรือไม่ เช่น กระดูกของเด็ก
และจากการตรวจสอบสภาพแวดล้อมอาจมีพวกสัตว์เลื้อยคลานมากัดกินเนื้อหรือลากศพเด็กออกไปที่อื่น ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบและดูให้ครบถ้วนทุกมิติ
ส่วนเรื่อง DNA ตั้งแต่ปี 2555 นิติเวชทุกแห่งมีการเก็บข้อมูล DNA ศพนิรนามทุกคน สำหรับเคสนี้ก็จะนำ DNA ของผู้ต้องหาและพ่อแม่ไปตรวจสอบเพื่อทำการยืนยันว่าตรงกับศพนิรนามใดหรือไม่ โดยใช้ DNA ของพ่อและแม่เป็นตัวตั้ง แต่เบื้องต้นจากการตรวจสอบในพื้นที่เขตสายไหมยังไม่พบข้อมูลว่ามีการแจ้งพบศพนิรนาม ซึ่งต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ
เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ หากไม่พบศพ เนื่องจากว่าระยะเวลาผ่านมานานแล้วจะมีผลต่อรูปคดีหรือไม่ ตรงนี้ไม่กังวลเพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็จะมีหลักฐานเป็นชิ้นส่วนกระดูกทิ้งร่องรอยไว้อยู่ดี ซึ่งตำรวจก็จะทำจนสุดความสามารถ
ส่วนการเข้าตรวจค้นที่อะพาร์ตเมนต์ของ น.ส.เจษฎา ที่ซอยพหลโยธิน 48 พบคราบเลือดและมีด 3 เล่ม แต่มี 1 เล่ม ที่พบร่องรอยว่ามีการถูกลนไฟ ซึ่งตรงกับคำสารภาพของนางเจษฎาว่าถูกสามีกดดันให้ทำร้ายตัวเอง โดยเอามีดลนไฟและนำมาทิ่มแทงตัวเอง โดยหลังจากนี้จะส่งตัวนางเจษฎาไปตรวจร่างกาย
นอกจากนี้ยังพบจดหมายระบายความรู้สึกที่น.ส. เจษฎาเขียนระบายว่าถูกนายเอ็มทำร้ายร่างกาย แต่ไม่พบข้อความที่พูดถึงลูก ซึ่งตำรวจจะนำหลักฐานชิ้นนี้ไปตรวจสอบด้วย
ต่อมาเวลา 19.25 น. ขุดพบกระดูก 2 ชิ้นดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการประสานแพทย์โรงพยาบาลภูมิพลมาตรวจสอบ โดยแพทย์ทำการตรวจสอบในเบื้องต้นระบุว่า กระดูกชิ้นที่มีความยาว 13 เซนติเมตร เป็นกระดูกคนส่วนท่อนแขนด้านบน อายุประมาณ 2 ปี
ต่อมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน. บางเขน นำตัว น.ส.สุนัน แม่ของ ด.ญ.วัย 2 ขวบ ที่เสียชีวิตแล้วถูกนำไปฝังโบกปูนที่จังหวัดกำแพงเพชร ออกจากห้องคุมขังเพื่อมาสอบปากคำ โดย น.ส.สุนัน มีสีหน้าเคร่งเครียดและไม่ยอมตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด แค่ส่ายหน้าว่าไม่ได้ทำร้ายลูกเมื่อสื่อมวลชนถาม