หนุ่มวัย 20 ปี เสพยาบ้าแล้วเกิดอารมณ์หื่น บุกเข้าไปลักพาตัวเด็กหญิงวัย 7 ปี ทั้งที่นอนอยู่ในบ้านกับตาและยายทวด ก่อนอุ้มไปข่มขืนในป่าอ้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิเชียรบุรี อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายแอบเข้าไปลักพาตัวเด็กหญิงวัย 7 ปี รายหนึ่งที่นอนอยู่ในบ้าน แล้วอุ้มหายไป เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.น้ำร้อน อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์
จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านที่ออกค้นหา จึงได้ยินเสียงเด็กหญิงวัย 7 ปี ร้องขอความช่วยเหลือ อยู่ที่บริเวณภายในป่าอ้อย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ ประมาณเพียงกว่า 100 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินตามเสียงร้องของเด็กหญิงวัย 7 ปี เข้าไป จึงพบเด็กหญิงคนดังกล่าวถูกปล่อยตัวทิ้งไว้ ในสภาพถูกถอดเสื้อผ้าออก
ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุได้พยายามหลบหนีออกจากป่า แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านได้ช่วยกันล้อมจับตัวไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาว่าคือ นายสมพงค์ หรือ เข้ม อายุ 20 ปี พนักงานโรงงานถุงฝาเกลียว ถุงบรรจุของเหลว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงควบคุมตัวสมพงค์ หรือเข้ม คงมาก ส่ง พ.ต.ต.นิติพัฒน์ เอกบาง พนักงานสอบสวน สภ.วิเชียรบุรี ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
จากการสอบสวน นายสมพงค์ หรือ เข้ม ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยระบุว่า สาเหตุที่ทำไปเป็นเพราะเมาเหล้าขาว และเสพยาบ้า เจ้าหน้าตำรวจจึงตั้งข้อหา บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ส่วนข้อหาลักพาตัว และข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์จากแพทย์เพื่อยืนยันอีกครั้ง
ด้าน ยายทวดของเด็กหญิงเคราะห์ร้าย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้นอนอยู่ด้วยกันกับ เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) เหลนที่ถูกคนร้ายแอบเข้ามาลักพาตัวไป แต่ขณะเกิดเหตุนอนหลับไม่รู้เรื่อง เนื่องจากทั้งตนและเหลนสาว ได้กินยาแก้หวัดเข้าไป จนทำให้หลับสนิทไม่รู้เรื่อง
โดยเหลนสาวได้เล่าให้ตนฟังว่า ขณะเกิดเหตุถูกลักตัวไป คนร้ายได้มุดมุ้งเข้ามาอุ้ม โดยขู่ว่าถ้าส่งเสียงร้องจะบีบคอให้ตาย ส่วนนายสมพงค์ หรือ เข้ม คนร้าย เมื่อวานก็มานั่งกินข้าวอยู่ที่บ้านตน เนื่องจากเป็นเพื่อนบ้าน และเคยเป็นคนงานรับจ้างอยู่ที่บ้านของตน
ส่วน ปู่ทวดของเด็กหญิงเคราะห์ร้าย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ไปงานศพที่ภายในหมู่บ้าน แต่พอเวลาประมาณ 21.00 น. ได้กลับมานอนที่บ้าน ซึ่งเตียงนอนก็อยู่หน้าห้องของเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) เหลนสาว โดยที่บ้านของตนไม่มีประตูหน้าบ้าน คนข้างนอกสามารถเดินเข้ามาในบ้านได้ถึงกันหมดทุกห้อง
ขณะเกิดเหตุตนก็นอนหลับไม่รู้สึกตัวเช่นกัน เนื่องจากกินยาแก้หวัดเข้าไปจนง่วงงัวเงียไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แต่ก็พอได้ยินเสียงคนเดิน และคนวิ่งออกไป ตนจึงเปิดไฟดูปรากฏว่าเด็กหญิงเอ(นามสมมติ) เหลนสาว ได้หายไป จึงได้วิ่งออกไปดูแล้วตะโกนให้ชาวบ้านช่วย จนมีเพื่อนบ้านที่ยังไม่นอน บอกว่าเห็นคนร้ายอุ้ม เด็กหญิงเอ (นามสมมติ) วิ่งเข้าไปในป่าอ้อย