รถทัวร์มรณะ ขับเร็วแค่ 88 กม./ชม. ชนต้นพะยอมรถฉีกกลาง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่นั่งฝั่งคนขับและอยู่ชั้นบน
จากกรณีอุบัติเหตุสลด ที่บริเวณถนนเพชรเกษม กม.331+450 ด้านซ้ายทาง (ไหล่ทาง) หน้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร รถทัวร์โดยสารประจำทาง (กรุงเทพฯ-นาทวี) ยี่ห้อ วอลโว่ สีฟ้า-ขาว หมายเลขทะเบียน 14- 3301 กรุงเทพมหานคร เสียหลัก ลงไหล่ทางชนกับต้นไม้ขนาดใหญ่ เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 31 คน ผู้เสียชีวิต 14 คน รวมผู้โดยสารพร้อมคนขับ จำนวน 45 ราย
เจ้าหน้าที่จากสำนักวิศวกรรมยานยนต์ กรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ปภ.เขต 4, ปภ.จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, ตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 2, สภ.ห้วยยาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุรถทัวร์พุ่งชน
จากการตรวจสอบร่องรอยการเบรกของล้อรถ พิกัดจุดที่รถทัวร์เริ่มเสียการทรงตัว จุดที่ล้อรถทัวร์เริ่มลงข้างทางก่อนพุ่งชนต้นพะยอมขนาดใหญ่ ขนาดประมาณ 2 คนโอบ ซึ่งมีร่องรอยเปลือกต้นพะยอมฉีกขาด แต่ส่วนเนื้อในไม่เสียหายแต่อย่างใด รวมถึงตรวจสอบสภาพพื้นที่ถนนว่าเป็นหลุมเป็นบ่อหรือไม่ แสงไฟส่องสว่าง ตลอดจนภาพรวมทั้งหมด

ต่อมาได้ไปตรวจสอบรถทัวร์โดยสารประจำทาง กรุงเทพฯ-นาทวี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ลากจูงไปเก็บรักษาไว้ห่างจาก สภ.ห้วยยาง ประมาณ 200 เมตร โดยพบว่าสภาพรถฉีกขาดเสียหายจากการชนอย่างรุนแรง วัดความยาวจากส่วนหัวรถไปถึงจุดที่แผลฉีกขาดได้ 6 เมตร

พันจ่าเอก ฉัตรชัย สวียานนท์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ห้วยยาง กล่าวว่า ตนพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้มาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ โดยหากหันหน้าเข้าหารถทัวร์ พบว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ จะอยู่บริเวณด้านซ้ายของตัวรถ เบาะที่นั่งปิดทับ โดยชั้นบนมีผู้เสียชีวิต 7 ราย ด้านล่าง 3 ราย และร่างกระเด็นหลุดตกออกมานอกรถอีก 4 ราย รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 14 ราย

ทั้งนี้ มี 2 รายที่หลุดออกมานอกรถแล้วรอดชีวิต คือ เด็กอายุ 4 ขวบลูกเจ้าของร้านขาย ฟอยล์อลูมิเนียม ฟอยล์ห่ออาหาร ไม่บาดเจ็บ และชายอายุประมาณ 17 ปี นั่งด้านหน้าก็หลุดออกมาจากรถ และไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

กรมการขนส่งทางบก โดย นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า สำหรับรถโดยสารคันเกิดเหตุ จากการตรวจสอบระบบจีพีเอสความเร็วรถก่อนเกิดอุบัติเหตุ ใช้ความเร็วอยู่ที่ 88 กม./ชม. ซึ่งไม่เกินกว่าความเร็ว ที่กฎหมายกำหนด คือ 90 กม./ชม.