เผาแล้ว ศพหนุ่มวัย 25 ปี จากอุบัติเหตุรถเก๋งหรูชนรถกับจยย. ดับยกครัว 3 ศพ ร่างภรรยาและลูกสาววัย 8 เดือน ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
จากกรณีอุบัติเหตุรถเก๋งยี่ห้อวอลโว่ สีดำ หมายเลขทะเบียน 5000 มหาสารคาม ชนกับรถจักรยานยนต์บนถนนเลี่ยงเมืองตัดใหม่ สายกาฬสินธุ์–มุกดาหาร บริเวณบ้านเหล่าค้อ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เป็นพ่อ แม่ และลูกวัย 8 เดือน เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ (12 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 5 บ้านแกเปะ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของนายวิจิตร อายุ 46 ปี บิดานายพงษ์นเรศ อายุ 25 ปี พนักงานโรงงานกล่องเมล่อน ฐานรองเมล่อน ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นคนขี่รถจยย. มีญาติพี่น้องเดินทางมาไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ.สต.เชียงเครือ และอสม. ตั้งจุดคัดกรองโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายศพไปทำการฌาปนกิจตามประเพณี โดยการเผาบนเชิงตะกอนที่วัดประจำหมู่บ้าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ส่วนศพของ น.ส.ธิดารัตน์ อายุ 19 ปี และลูกสาววัย 8 เดือน ญาติได้นำศพไปประกอบพิธีที่บ้านเกิดใน ต.นาจำปา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์
นายวิจิตร อายุ 46 ปี บิดานายพงษ์นเรศ กล่าวว่า หลังจากลูกชายพร้อมลูกสะใภ้คือ น.ส.ธิดารัตน์ อายุ 19 ปี และหลานสาวอายุ 8 เดือน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ขณะขับขี่จักรยานยนต์จะเข้าหมู่บ้าน บนถนนสายเลี่ยงเมือง ใกล้ทางแยกเข้าบ้านแกเปะ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. โดยถูกรถเก๋งของคู่กรณีชนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุดังกล่าว
ทางญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงกันแยกศพไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยศพนายพงษ์นเรศ ตั้งศพสวดอภิธรรม 1 คืน ส่วนศพของ น.ส.ธิดารัตน์และหลานสาววัย 8 เดือน ได้แยกไปประกอบพิธีที่บ้านเกิด ที่ ต.นาจำปา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของลูกสะใภ้
นายวิจิตรกล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุเมื่อคืนนี้ทางฝ่ายคู่กรณีที่เป็นคนขับรถเก๋ง ได้ส่งตัวแทนมาแสดงความเสียใจ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจัดงานศพเป็นการเบื้องต้นให้จำนวนหนึ่ง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จึงจะพุดคุยกันในลำดับต่อไป ซึ่งคงจะเป็นหลังจากจัดงานฌาปนกิจศพลูกชาย รวมทั้งลูกสะใภ้และหลานสาวเสร็จเรียบร้อยก่อน คาดว่าคงจะไม่มีปัญหาใดๆ เพราะเห็นทางตัวแทนฝ่ายคู่กรณีก็เจรจากันด้วยดี
ด้าน นายสมพร ภารสำราญ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 บ้านแกเปะ กล่าวว่า จุดที่เกิดเกิดอุบัติถือว่าเป็นจุดเสี่ยงอันตราย เนื่องจากเป็นถนนเลี่ยงเมือง รถวิ่งระหว่างจังหวัดตลอดทั้งวัน และส่วนมากใช้ความเร็วสูง ที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ซึ่งครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุด เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตพร้อมกันทั้ง 3 ศพ
จึงอยากจะฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนที่ใช้เส้นทางนี้ โดยเฉพาะชาวบ้านที่ขับขี่ผ่านจุดยูเทิร์น หรือข้ามตามจุดต่างๆ ได้เพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ทั้งนี้ ในลำดับต่อไปก็จะได้ปรึกษาคณะสงฆ์และชาวบ้าน ในการจัดตั้งศาลพระภูมิหรือศาลเพียงตา เป็นการขอขมาและบอกกล่าวเจ้าที่ เพื่อให้ความปลอดภัยกับผู้เดินทาง
ขณะที่ ร.ต.อ.ภาคภูมิ ภูสมนึก รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เจ้าของคดี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใคร เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งยังรอการสอบปากคำนายสุธี อายุ 66 ปี เจ้าของรถเก๋ง ซึ่งหลังเกิดเหตุได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่ คาดว่าจะนัดเข้ามาสอบปากคำในวันพรุ่งนี้ ส่วนญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ก็ยังอยู่ระหว่างการจัดงานศพ
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ามีร่องรอยการเฉี่ยวชนที่เลนขวา สภาพรถทั้งสองคันพังเสียหาย โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบพยานแวดล้อมต่างๆ และผู้เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียด ซึ่งจะต้องดำเนินการไปตามพยานหลักฐานและต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย