ที่ศาลจังหวัดยโสธร พนักงานสอบสวน สภ.ป่าติ้ว นำตัว ร.ต.อ. อายุ 50 ปี รอง สว.(สอบสวน) สภ.ป่าติ้ว ปฏิบัติหน้าที่งานจราจร ผู้ต้องหาในคดีพรากผู้เยาว์ อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร และข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยใช้กำลังขู่เข็ญโดยใช้กำลังประทุษร้าย มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน เนื่องจากต้องสอบสวนพยานบุคคลอีก 10 ปาก รอผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือและรอผลการตรวจจากแพทย์ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ
โดยท้ายคำร้อง หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหาเป็นอุกฉกรรจ์ คดีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน โดยทางผู้เสียหายก็ยื่นคัดค้านการประกันด้วย
ดังนั้น ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ภายหลังผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฝากขัง ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปยังเรือนจำจังหวัดยโสธรต่อไป
ย้อนเหตุการณ์ ร.ต.อ.พานักเรียนสาววัย 17 ไปข่มขืนแลกกับค่าปรับจราจร 2,000 บาทรายนี้ เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ม.ค. เพจ สายไหมต้องรอด โพสต์ข้อความว่านักเรียนหญิง ม.5 ขี่รถจักรยานยนต์ไปเรียนกับน้องถูกตำรวจเรียกตรวจ พบว่าไม่มีใบขับขี่ ตำรวจเรียกเงินไป 2,000 บาท แต่น้องไม่มีจ่าย ถูกพาไปข่มขืนข้างโรงพัก” ต่อมานายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ประสานไปยัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว เนื่องจากสร้างความเสื่อมเสียให้กับองค์กรตำรวจ
ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการไปยัง พล.ต.ต.ภิรมย์ สวนทอง ผบก.ภ.จ.ยโสธร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยให้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาคดีอาญากับตำรวจนายดังกล่าวพบว่ามียศ ร.ต.อ. สังกัด สภ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร พร้อมกับให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัย รวมถึงประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเด็กนักเรียนหญิงผู้เสียหาย ส่งตัวไปตรวจร่างกาย และสอบปากคำร่วมกับทีมสหวิชาชีพโดยเร็วที่สุด