ผบก.น.2 เผย คนก่อเหตุฆ่าอดีตทูตหนีออกนอกประเทศแล้ว พบโอนเงิน-กดเงินจากบัญชีผู้ตายหลายครั้ง อึ้งยังโพสต์คลิปลง TikTok

วันนี้ (9 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สน.สุทธิสาร พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ประชุมชุดสืบสวนคดีฆ่าอดีตทูต ถูกแทงที่หน้าอกจำนวนสามแผลกลายเป็นศพถูกอำพรางอยู่ในห้องน้ำชั้น 2 ในบ้านพักในซอยวิภาวดี 20

โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.อรรถพล เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตั้งแต่เมื่อวานนี้ และจากการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาพบว่าได้เดินทางไป จ.เชียงราย ในวันที่ 28 ก.ย. และถึง จ.เชียงราย ในวันที่ 29 ก.ย. และเดินทางออกนอกประเทศผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในเวลา 07.12 น.

โดยไทม์ไลน์ของผู้ก่อเหตุพบว่าเดินทางไปที่บ้านพักของผู้เสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. และพบว่าทั้ง 2 คน ได้ออกจากบ้านช่วงเย็นวันเดียวกัน และกลับมาที่บ้านช่วงค่ำ แต่วันเกิดเหตุวันที่ 27 ก.ย. ทั้ง 2 คน กลับมาที่บ้านประมาณ 21.00 น. เชื่อว่าอาจมีปากเสียงทะเลาะกัน

หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้เดินออกจากบ้าน และไปขึ้นแท็กซี่หน้าหมู่บ้านอยู่ตรงข้ามกับร้านขาย พลาสติกกันกระแทก แอร์บับเบิ้ล ในเวลาประมาณ 03.22 น. ของเช้ามืดวันที่ 28 ก.ย.

และจากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้เสียชีวิตพบว่าผู้ก่อเหตุได้ใช้ iPad ของผู้ตายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารบุคคลอื่น จำนวน 22,000 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าโอนเข้าบัญชีใคร และมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร และจากการเอามือถือไปสแกนกดเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็มอีก 2 ครั้ง จำนวน 34,200 บาท

เบื้องต้น เชื่อว่าผู้ก่อเหตุลงมือเพียงคนเดียว และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนความสัมพันธ์ของผู้ตายกับผู้ก่อเหตุจะเกี่ยวข้องกันอย่างไรอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่เพียงคนเดียว

ส่วนทรัพย์สินของผู้ตาย นอกเหนือจากโทรศัพท์มือถือและ iPad เชื่อว่า ยังมีทรัพย์สินอื่น ๆ ของผู้ตายที่หายไปอีก แต่ขอตรวจสอบเพิ่มเติม เพราะที่บ้านมีร่องรอยการถูกรื้อค้น

ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำว่าให้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร่งด่วนเพราะผู้เสียชีวิตเป็นข้าราชการระดับสูง ซึ่งหลังจากนี้จะประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองออกหมายจับสากล และส่งไปประเทศต้นทางเพื่อประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาดำเนินคดี

สำหรับไทมไลน์การขึ้นรถหลบหนีของผู้ก่อเหตุ แนวทางการสืบสวนพบว่าผู้ก่อเหตุไป จ.นนทบุรี และวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี เพื่อรอเวลาการกลับไปขึ้นรถ เนื่องจากรถรอบเช้าเสียจึงต้องขึ้นรถในรอบเย็น ซึ่งระหว่างที่อยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ผู้ก่อเหตุเปลี่ยนรถแท็กซี่หลายคัน ซึ่งในพื้นที่นี้มีการกดเงินจำนวน 30,000 บาท

โดยก่อนจะไปยัง บขส. ผู้ก่อเหตุ เดินทางจาก จ.นนทบุรี ไปที่ห้างแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เพื่อกดเงินอีกครั้งจำนวน 4,200 บาท

จากนั้นขึ้นแท็กซี่คันสุดท้าย สีเขียว-เหลือง เพื่อไปขึ้นรถทัวร์ที่หมอชิต โดยซื้อตั๋ว ในเวลา 16.53 น. และรถออกในเวลา 17.25 น. ซึ่งรถทัวร์กรุงเทพ-น่าน ที่เดินทางออกจาก บขส.

นอกจากนี้ ยังพบว่า TikTok ของผู้ก่อเหตุ มีการโพสต์คลิป โดยมีข้อความเป็นภาษาไทยใหญ่ แปลว่า “กลับแล้ว”