ต่อมาเวลา 17.00 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินไปมูลนิธิส่งเสริมแห่งอุดรธานี เขตเทศบาลนครอุดรธานี พบนายพจน์ปรีชา สารสิทธิ์ อายุ 31 ปี พนักงานกู้ภัยฉุกเฉิน มูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี เพื่อสอบถามกรณีนายสุทธิ์ศักดิ์ หรือแด้ อายุ 36 ปี เสียชีวิตในห้องเช่า พื้นที่ ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2566 หลังจากนำศพนายแด้ ไปส่ง รพ.ศูนย์อุดรธานี ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน และ น.ส.สรารัตน์ หรือแอม ภรรยาของนายแด้ ได้เดินทางมาติดต่อขอศพ นำไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดใน จ.ราชบุรี
นายพจน์ปรีชา พนักงานกู้ภัยฉุกเฉิน มูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากนำศพนายแด้ไปส่งนิติเวช รพ.ศูนย์อุดรธานี ตอนนั้น น.ส.แอม ได้เดินทางตามไปเพื่อติดต่อขอรับศพ โดยไม่ประสงค์ให้นิติเวชผ่าชันสูตร ยืนยันจะรีบนำศพกลับไปที่บ้าน ของมีค่าต่างๆของนายแด้ ก็อยู่กับ น.ส.แอม ทั้งหมด รวมทั้งโทรศัพท์มือถือไอโฟนของนายแด้ด้วย 1 เครื่อง ซึ่ง น.ส.แอม พยายามบอกให้พวกตนนำโทรศัพท์ของนายแด้ ไปสแกนม่านตา และสแกนลายนิ้วมือ เพื่อปลดล็อคมือถือ เขาเป็นผัวเมีย มีลูกด้วยกัน เราเลยไม่ผิดสังเกตอะไร
ตอนนั้นอาสากู้ภัยเราได้ปฏิเสธที่จะทำให้ และให้ไปสอบเจ้าหน้าที่นิติเวชเอง ซึ่งทางนิติเวชก็ปฏิเสธเช่นกัน เนื่องจากเมื่อคนเสียชีวิตไปแล้ว จะไม่สามารถสแกนได้เลย ทั้งม่านตาและลายนิ้วมือ ทำงานอาสามานานหลายปี เคยมีญาติคนตายศพที่ผ่านๆมา ขอความช่วยเหลือในลักษณะนี้ แต่ก็ปฏิเสธไปด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน และหลังจากนั้นก็ไม่ทราบว่าทาง น.ส.แอม นำศพนายแด้กลับไปอย่างไร ไม่ทราบว่าติดต่อใคร ไม่ทราบว่าใช้รถอะไร เพราะหลังจากนั้นทีมงานก็เดินทางกลับมาที่มูลนิธิทันที
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี กรณีนางสาวแอ้มพยายามสแกนม่านตานายแด้ ตำรวจสืบสวนสอบสวนกำลังเร่งรัดทำงาน ว่าหลังเสียชีวิตของแด้ มีการเคลื่อนไหวของเงินหรือไม่ หากมีความเคลื่อนไหวถือว่าเป็นปัญชีม้า ถ้าไม่มีการเคลื่อนไหวถือว่าประเด็นนี้จบลง และจะมาดูทรัพย์สินที่ครอบครองขณะเสียชีวิตมีอะไรบ้าง มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องหรือไม่ โดยเฉพาะทรัพย์ในบัญชี ซึ่งแอมต้องการอยากจะได้